จริงหรือ! ถ้าลูกเป็นผู้อนุบาลแม่ ไปขายที่ดินแม่ ไม่สามารถเอาเงินไปใช้ส่วนตัวได้

จากคำถามก่อนนี้ขอบอกเลยว่า ถ้าลูกเป็นผู้อนุบาลแม่ ไปขายที่ดินแม่ ไม่สามารถเอาเงินไปใช้ส่ว่นตัวได้ ต้องเก็บไว้และเบิกใช้เพื่อประโยชน์ของแม่เท่านั้น

เมื่อศาลได้มีคำสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถตามมาตรา 28 วรรคสอง วางหลักให้คนไร้ความสามรถต้องจัดให้อยู่ในความอนุบาล และอำนาจหน้าที่ของผู้อนุบาลให้เป็นไปตามบรรพ 5 ว่าด้วยครอบครัว ดังนั้น การขายทรัพย์สินของผู้ไร้ความสามารถจึงต้องบังคับตามลักษณะ 2 หมวด 2 มาตรา 1574 (1) ประกอบมาตรา 28 วรรคสองวางหลักให้ นิติกรรมใดอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้ไร้ความสามารถดังต่อไปนี้ผู้อนุบาลจะกระทำมิได้ เว้นแต่ศาลจะอนุญาต (1) ขาย….

ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 163 วรรคสอง บัญญัติว่า “ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งตั้งผู้อนุบาล ถ้าศาลเห็นสมควรเพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพและทรัพย์สินของผู้ไร้ความสารถ ศาลจะมีคำสั่งตั้งนักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา หรือเจ้าพนักงานอื่นทำหน้าที่กำกับดูแลการใช้อำนาจของผู้อนุบาลเกี่ยวแก่ตัวผู้ไร้ความสารถหรือทรัพย์สินของผู้ไร้ความสารถหรือค่าอุปการะเลี้ยงดู และการรักษาพยาบาลผู้ไร้ความสารถก็ได้แล้วให้เจ้าพนักงานที่ได้รับแต่งตั้ง รายงานให้ศาลทราบ”

เมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ขายที่ดินของมารดาแล้วมาตรา 1574 (1) ประกอบมาตรา 28 วรรคสอง (1) ศาลอาจเห็นว่าเพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพและทรัพย์สินของผู้ไร้ความสารถตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 163 วรรคสอง ศาลจึงมีคำสั่งตั้งเจ้าหน้าที่สถานพินิจเป็นผู้ดูแลทรัพย์สินของแม่ ดังนั้น เงินที่ได้จากการขายที่ดินของแม่ จึงไม่สามารถนำออกใช้เพื่อการอย่างอื่นได้ การที่บุตรของแม่เจ้าของที่ดิน อยากนำเงินมาแบ่งกันจึงต้องถือว่าเป็นการขัดต่อวัตถุประสงค์ของกฎหมายที่จะคุ้มครองสวัสดิภาพความเป็นอยู่ของแม่เพราะหากนำเงินมาแบ่งกันแล้วก็ไม่อาจมีหลักประกันยืนยันว่าแม่จะได้รับผลประโยชน์อย่างเต็มที่ในจำนวนเงินที่ขายที่ดินได้ ที่สถานพินิจจ่ายเป็นเดือนๆสำหรับค่าใช้จ่ายในการดูแลยายผู้ร้อง จึงเป็นการกระทำที่ชอบด้วยมาตรา 163 วรรคสองที่กฎหมายให้อำนาจไว้แล้ว ส่วนจะขอให้จ่ายเดือนละเท่าไหร่ คงต้องแจ้งความประสงค์และเหตุผลไปยังสถานพินิจเองโดยตรง